ผักตบชวา (water hyacinth) เป็นวัชพืชที่มีถิ่นกำเนิดในแถบลุ่มน้ำอะเมซอน ประเทศบราซิล ในทวีปอเมริกาใต้ เนื่องจากมีอัตราการเจริญ เติบโตสูง ทนทานต่อสภาพแวดล้อม เป็นพืชที่มีทุ่นลอย อยู่ได้ทั้งในน้ำนิ่งและน้ำไหล มีการขยายพันธุ์อย่างรวดเร็วทั้งทางเมล็ดและการแตกหน่อ ดังนี้จึงทำให้มีการแพร่ระบาดอย่างรุนแรง ก่อให้เกิดปัญหาต่อแหล่งน้ำต่างๆ ทั่วประเทศและก่อผลเสียต่อเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม
ผักตบชวา มีอัตราการเจริญเติบโตสูงมาก มีการสะสมมวลชีวภาพได้สูงถึง 20 กรัมน้ำหนักแห้งต่อตารางเมตรต่อวัน โดยมีอัตราการเจริญ เติบโตสัมพัทธ์สูงสุดเท่ากับ 1.50% ต่อวัน ถ้าปล่อยให้ผักตบชวาเติบโตในแหล่งน้ำโดยเริ่มต้นจาก 500 กรัมน้ำหนักสดต่อตารางเมตร ในระยะเวลาเพียง 3 เดือนครึ่ง ผักตบชวาสามารถเจริญเติบโตและขยายพันธุ์ให้มวลชีวภาพสูงถึง 40,580 กรัมน้ำหนักสดต่อตารางเมตร ในระยะเวลา 1 ปี ผักตบชวาสามารถเจริญเติบโตให้มวลชีวภาพสูงอยู่ในช่วง 717 ตัน น้ำหนักแห้งต่อไร่ ผักตบชวาจะเจริญเติบโตสูงสุดในช่วงเดือนเมษายน และมีการเจริญเติบโตต่ำสุดในช่วงเดือนมกราคม
วัตถุประสงค์
1. เพื่อศึกษาผลกระทบและผลเสียที่ชาวบ้านได้รับจากปัญหาผักตบชวา
2. เพื่อศึกษาผลกระทบที่ทำให้สภาวะสิ่งแวดล้อมเปลี่ยนไป
1. ทำให้เรารู้ถึงปัญหาที่เกิดขึ้นส่งผลต่อสภาพแวดล้อมหรือทำให้ระบบนิเวศเปลี่ยนไปอย่างไร
2. ทำให้เรารู้ว่าปัญหาจากผักตบชวาสร้างความเดือดร้อนกับการดำรงชีวิตของประชาชน
แม่น้ำบางปะกง ในอำเภอเมือง อำเภอบางคล้า
วิธีการศึกษา
1. ขั้นวางแผนดำเนินงาน
1.1 หาหัวข้อปัญหาสิ่งแวดล้อมที่เกิดขึ้นในสถานการณ์ปัจจุบัน
1.2 นำหัวข้อมาวิเคราะห์ถึงปัญหาที่เกิดขึ้น
1.3 จัดทำแบบสอบถามเพื่อใช้ในการสำรวจหาข้อมูล
1.4 วางแผนการเดินทางและการทำงานเพื่อออกภาคสนาม
2. ขั้นการปฏิบัติงาน
2. ขั้นการปฏิบัติงาน
2.1 ออกภาคสนามเพื่อสำรวจถึงปัญหาอันเกิดจากผักตบชวา
2.2 เก็บรวบรวมข้อมูลที่ได้จากการทำแบบสอบถามของชาวบ้าน การถ่ายรูป การสอบถามชาวบ้าน การถ่าย VDO
2.2 เก็บรวบรวมข้อมูลที่ได้จากการทำแบบสอบถามของชาวบ้าน การถ่ายรูป การสอบถามชาวบ้าน การถ่าย VDO
2.3 วิเคราะห์ถึงปัญหาที่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและความเป็นอยู่ของชาวบ้าน
3. ขั้นสรุปแผนงาน
3.1 วิเคราะห์ผลกระทบที่เกิดขึ้นกับการดำรงชีวิตของประชาชน
3.2 วิเคราะห์ผลกระทบที่เกิดขึ้นต่อสภาวะแวดล้อมและระบบนิเวศ
3.3 วิเคราะห์ถึงแนวทางการแก้ไขปัญหา
กลุ่มผู้ให้ข้อมูล
1. ชาวบ้าน
2. นักท่องเที่ยว
ประเด็นการสัมภาษณ์
บทสัมภาษณ์ คนที่ 1 นายวิชัย ฉัตรวิไล
-ปัญหาจากผักตบชวา
ตอบ กีดขวางทางจราจรทางน้ำ สิ่งแวดล้อมไม่สวยงาม
- ผักตบชวาจะมีมากในช่วงใด
ตอบ ช่วงเดือน กรกฎาคม - สิงหาคม หรือช่วงหน้าฝน
- แก้ไขปัญหาอย่างไร
ตอบ ทุกๆฝ่ายช่วยกันกำจัด ไม่ปล่อยมาจากต้นฝาย
บทสัมภาษณ์ คนที่ 2 นายอนันต์ รักษาวงศ์
- ปัญหาที่เกิดจากผักตบชวา
ตอบ ผักตบชวาเป็นพืชที่ขยายพันธุ์เร็ว ทำให้สิ้นเปลืองค่าใช้จ่ายในการกำจัด ระบบนิเวศเสียหาย ชาวบ้านที่อาศัยใกล้แหล่งน้ำก็ต้องประสบปัญหากับการใช้ประโยชน์จากแหล่งน้ำ
- ผักตบชวามีมากที่สุดในช่วงใด
ตอบ ช่วงหน้าฝน
- จะแก้ไขปัญหาอย่างไร
ตอบ หน่วยงานภาครัฐควรเข้ามาดูแลและแก้ไขปัญหาอย่างจริงจิงสักที
บทสัมภาษณ์ คนที่ 3 นางอังคณา ศรีสุข (แม่ค้าที่ขายก๋วยเตี๋ยวเรือที่ตลาดน้ำบางคล้า)
- ปัญหาที่เกิดจากผักตบชวา
ตอบ ผักตบชวามีมาก ทำให้เกิดความไม่สวยงาม เมื่อนักท่องเที่ยวพบเห็น เมื่อผักตบชวาตายจะลอยเน่าส่งกลิ่นเหม็น เป็นสิ่งที่น่ารำคาญ กีดขวางการจราจรทางน้ำมาก
- ผักตบชวามีมากที่สุดในช่วงใด
ตอบ ช่วงหน้าฝน และช่วงอื่นๆแต่จะไม่มากเหมือนหน้าฝน
- จะแก้ไขปัญหาอย่างไร
ตอบทุกคนต้องช่วยกันทำความสะอาด
บทสัมภาษณ์ คนที่ 4 ชาวบ้านที่อาศัยใกล้วัดโสธรวรารามวรวิหารริมฝั่งแม่น้ำบางปะกง
- ปัญหาที่เกิดจากผักตบชวา
ตอบ เป็นอุปสรรคต่อการจราจรทางน้ำ สำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการไปชมปลาโลมาในแม่น้ำบางปะกง ช่วงที่น้ำเค็มไหลเข้าแม่น้ำบางปะกงผักตบชวาจะแห้งตาย ทำให้ไม่สวยงาม
- ผักตบชวามีมากที่สุดในช่วงใด
ตอบ ช่วงหน้าฝนจะมีมากที่สุด ช่วงอื่นๆจะพบแต่ไม่มาก
- จะแก้ไขปัญหาอย่างไร
ตอบทุกคนควรช่วยกันดูแลเพราะไม่ใช่หน้าที่ของบุคคลใคบุคคลหนึ่ง ทุกคนมีส่วนใช้ประโยชน์จากแม่น้ำ
สรุปผลการศึกษา
- ลดการไหลของน้ำลงประมาณ 40%
- ส่วนต่างๆ ของผักตบชวาที่จมลงใต้น้ำก่อให้เกิดอุปสรรคกับการระบายน้ำของฝาย ประตูระบาย และอื่นๆ ทำให้ ทางเดินของน้ำเกิดการตื้นเขินเร็วกว่าปกติ และทำให้เกิดน้ำท่วมในหน้าน้ำ
- แย่งเนื้อที่การเก็บกักน้ำของอ่างเก็บน้ำ ทำให้เก็บรักษาน้ำได้น้อยลง
- แย่งน้ำและอาหารจากพืชปลูก ซึ่งควรจะได้รับมากขึ้นจากการชลประทานหากไม่มีผักตบชวาอยู่ในแหล่งน้ำ
- ผักตบชวาที่ขึ้นหนาแน่นเป็นอุปสรรคแก่การเจริญเติบโตของปลาและการจับปลาผักตบชวาไม่เพียงแต่ลดผลผลิตของปลาเท่านั้น แต่ปลาที่จับได้ยังมีขนาดเล็กลงด้วย
- พื้นน้ำที่มีผักตบชวาขึ้นอยู่อย่างหนาแน่นและน้ำไม่มีการไหล จะมีปลาหรือสัตว์น้ำอาศัยอยู่น้อยกว่าปกติ
- ผักตบชวาที่ขึ้นหนาแน่นเป็นอุปสรรคแก่การเจริญเติบโตของปลาและการจับปลาผักตบชวาไม่เพียงแต่ลดผลผลิตของปลาเท่านั้น แต่ปลาที่จับได้ยังมีขนาดเล็กลงด้วย
- พื้นน้ำที่มีผักตบชวาขึ้นอยู่อย่างหนาแน่นและน้ำไม่มีการไหล จะมีปลาหรือสัตว์น้ำอาศัยอยู่น้อยกว่าปกติ
- เมื่อขึ้นอยู่อย่างหนาแน่น ผักตบชวาเป็นตัวการทำให้การกำจัดหอย (ซึ่งเป็นพาหะสำคัญในการนำโรค) โดยการใช้ยากำจัดเป็นไปได้โดยยากและสิ้นเปลืองมาก เนื่องจากผักตบชวาจะดูดยาไว้ส่วนหนึ่ง ส่วนที่เหลือมีน้อยจนไม่สามารถจะทำอันตรายกับหอยได้ นอกจากนั้น ผักตบชวายังเป็นตัวกันไม่ให้ยาถูกพ่นลงในน้ำได้สะดวก ดังนั้น การใช้ยาในการกำจัดหอยจึงต้องเพิ่มปริมาณมากขึ้น ซึ่งจะเป็นอันตรายแก่คนและสัตว์อื่นๆ
- เป็นที่อาศัยสัตว์ร้าย เช่น งูพิษ ซึ่งเป็นอันตรายต่อราษฎร เมื่อแพผักตบชวาลอยไปติดเรือนแพ หรือท่าน้ำ หรือในการพัฒนาแหล่งน้ำโดยการใช้แรกงานดึงขึ้นจากน้ำ นอกจากนั้น หนูที่อาศัยอยู่บนแพผักตบชวา ก็อาจแพร่เชื้อโรคกาฬโรคได้
- เป็นที่อาศัยสัตว์ร้าย เช่น งูพิษ ซึ่งเป็นอันตรายต่อราษฎร เมื่อแพผักตบชวาลอยไปติดเรือนแพ หรือท่าน้ำ หรือในการพัฒนาแหล่งน้ำโดยการใช้แรกงานดึงขึ้นจากน้ำ นอกจากนั้น หนูที่อาศัยอยู่บนแพผักตบชวา ก็อาจแพร่เชื้อโรคกาฬโรคได้
- ผักตบชวาเป็นอุปสรรคสำคัญที่กีดขวางการสัญจรทางน้ำในแม่น้ำเป็นไปด้วยความลำบาก
แนวทางการแก้ไขปัญหา
1. การดูแลรักษาความสะอาดจากปัญหาผักตบชวาเป็นหน้าที่ของทุกคน
2. การกำจัดผักตบชวา จะต้องใช้งบประมาณจำนวนมากทำให้เกิดความสิ้นเปลือง ฉะนั้นเราทุกคนควรร่วมมือกันแก้ไขปัญหา
3. ควรมีการป้องกันผักตบชวาจากต้นฝาย โดยไม่ปล่อยมากับกระแสน้ำในช่วงระบายน้ำ
4. จัดอบรมชาวบ้าน นำผักตบชวาไปใช้ประโยชน์อย่างอื่น เช่นการทำกระเป๋า รองเท้า